ในปัจจุบัน การทำ SEO เพื่อให้เว็บไซต์ของเราติดอันดับแรกๆ ของผลการค้นหาบน Google และมีโอกาสขายของได้มากขึ้น เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการหลายคนต้องทำเมื่อเข้าร่วมแข่งขันบนตลาดออนไลน์ แต่บางครั้งการจ้างทำ SEO กับบริษัทต่างๆ หรือแม้แต่ฟรีแลนซ์ก็อาจมีค่าใช้จ่ายที่สูงจนเกินงบกประมาณ ทำให้หลายคนเกิดความสงสัยว่าสามารถทำ SEO ด้วยตัวเองได้หรือไม่? แล้วทำไมต้องจ้างทำ SEO? หรือถ้าจะทำด้วยตัวเองจะมีวิธีการอย่างไร? ซึ่งเราจะขออธิบายดังนี้…
4 เหตุผลที่ทำไมต้องจ้างทำ SEO พร้อมวิธีการทำด้วยตัวเอง
1. ต้องเลือก Keyword ให้เป็น
Keyword คือ คำสำคัญในบทความบนเว็บไซต์ และเป็นคำที่เราเลือกทำ SEO เพื่อที่ว่าเว็บไซต์ของเราจะได้ติดอันดับแรกๆ ของผลการค้นหาด้วย Keyword นั้นๆ ซึ่งการเลือก Keyword มีผลอย่างมากในการทำ SEO ด้วยตัวเองให้ประสบความสำเร็จ การดูว่า Keyword ไหนมีปริมาณการค้นหาเท่าไหร่ สามารถดูได้จาก Keyword Planner ของ Google ซึ่งเป็น Search Engine หลักของไทยและหลายประเทศในทั่วโลก หรือใช้โปรแกรมสำหรับดูสถิติ เช่น KWFinder โดยสามารถแบ่งประเภท Keyword ตามปริมาณการค้นหาได้ดังนี้
Mass Keyword หรือ Broad Keyword คือ คำกว้างๆไม่เฉพาะเจาะจง ปริมาณค้นหาสูง คู่แข่งมีจำนวนมาก เช่น รองเท้า กระเป๋า ถ้าจ้างทำ SEO ต้องใช้เงินเยอะในการทำให้ติดอันดับ
Niche Keyword คือคำที่ขยายความ Mass Keyword จึงมีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น มีโอกาสติดอันดับแรกๆ ได้มากกว่า เช่น เสื้อผ้าแฟชั่นผู้หญิง รองเท้าผ้าใบผู้หญิง เป็นต้น
Longtail Niche Keywordคือ คำที่เฉพาะเจาะจงมาก เช่น มีชื่อยี่ห้อ ชื่อสินค้า ชื่อรุ่น หรือระบุพื้นที่ ถ้าทำให้ติดอันดับแรกๆ ได้จะมีโอกาสขายของได้สูงมาก และเป็น Keyword ที่แนะนำสำหรับการเริ่มต้นทำ SEO ด้วยตัวเอง
โดยส่วนมากแล้วคนทั่วไปมักจะเลือกคำที่มีคนค้นหาเยอะๆ ซึ่งจะเป็นคำกว้างๆ แต่ถ้าเว็บไซต์ของเราเป็นเว็บไซต์เล็กๆ มีสินค้าไม่มาก โอกาสที่จะทำให้เว็บไซต์ติดอันดับก็มีน้อย เพราะ Keyword กว้างๆ ย่อมมีคู่แข่งเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังต้องแข่งกับบริษัทขนาดใหญ่ที่มีสินค้าจำนวนมากมายอีกด้วย
หากเป็นการจ้างผู้ที่เชี่ยวชาญทำ SEO จะต้องวิเคราะห์ก่อนว่า Keyword ไหนที่ตรงตามสินค้าหรือบริการในเว็บไซต์ รวมทั้งกลุ่มของลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งอาจจะเป็นคำที่เฉพาะเจาะจงกว่า แม้ว่าจะมีคนค้นหาไม่มากเท่าคำกว้างๆ แต่โอกาสที่จะทำให้เว็บไซต์ติดอันดับก็มีมากกว่า ค่าบริการทำ SEO ก็ถูกกว่า และนอกจากนี้ลูกค้าที่คลิกเข้ามาดูเว็บไซต์ ก็มีโอกาสที่จะซื้อได้มากกว่าเพราะมีตัวเลือกอยู่ในใจแล้วนั่นเอง (ข้อมูลเพิ่มเติม: 5 ความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับการทำ SEO)
2. ต้องมีทีมงานที่เก่งหลายด้าน
การทำเว็บไซต์ให้ติดอันดับต้นๆ ได้ ต้องมีองค์ประกอบที่ดีในหลายด้าน (ข้อมูลเพิ่มเติม: วิธีการทำ SEO) ซึ่งแต่ละด้านก็มีรายละเอียดยิบย่อยลงไปอีก เช่น
ด้านโครงสร้างและประสิทธิภาพ ทีมงานต้องมีความรู้ในการวิเคราะห์และปรับแก้เว็บไซต์ให้เป็นไปตามหลักของ SEO
ด้านประสบการณ์การใช้งาน ทีมงานต้องมีความรู้ความเข้าใจในเรื่อง UX (User Experience) ที่จะออกแบบเว็บไซต์ให้เป็นมิตรกับผู้ใช้ เพื่อให้ได้คะแนน SEO ที่ดี
ด้านเนื้อหา ทีมงานต้องสร้างเนื้อหา รวมทั้งเขียนบทความให้รองรับกับ SEO และใส่ Keyword อย่างเหมาะสม ตลอดจนทำภาพประกอบให้น่าสนใจ
ด้วยเหตุนี้ การทำ SEO ด้วยตัวเองจึงเป็นเรื่องยุ่งยากสำหรับบางคนและต้องใช้เวลานานมาก การจ้างผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO ซึ่งมีทีมงานพร้อมจึงประหยัดเวลามากกว่าและเห็นผลได้เร็วกว่า
3. ต้องติดตามข่าวสารเกี่ยวกับ SEO อยู่ตลอด
Search Engine อย่าง Google มีการปรับ Algorithm ที่ใช้จัดอันดับเว็บไซต์บนหน้า Search Engine Results Page อยู่เสมอ (ข้อมูลเพิ่มเติม: Search Engine Algorithm คืออะไร?) ดังนั้นการทำ SEO จึงต้องตามทัน Algorithm ของ Google ด้วย ซึ่งถ้าเป็นเจ้าของธุรกิจ ต่อให้มีเวลาสร้างเว็บไซต์ที่เป็นมิตรต่อ SEO ได้ในช่วงแรก แต่ระยะเวลาหลังจากนั้นที่ Google ปรับ Algorithm อยู่เสมอ ก็อาจไม่มีเวลามาคอยติดตามและปรับปรุงเว็บไซต์ จนอันดับหล่นไป ไม่อยู่ในอันดับต้นๆ ดังนั้นการจ้างทำ SEO กับทีมงานที่มีหน้าที่คอยติดตามข่าวสารและคอยดูแลปรับปรุงเว็บไซต์อยู่เสมอจึงเป็นเรื่องที่ดีกว่า
4. ต้องพึ่งพาหลายเว็บไซต์
ส่วนหนึ่งขององค์ประกอบด้านเนื้อหาคือ Backlink ที่เป็นลิงค์จากเว็บไซต์อื่นที่ชี้มายังเว็บไซต์ของเรา (ข้อมูลเพิ่มเติม: Backlink คืออะไร?) โดยต้องเป็นเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ มีคนเข้าเยี่ยมชมจริงๆ และเนื้อหาในบทความต้องเกี่ยวข้องกับเนื้อหาเว็บไซต์เรา ทำให้เว็บไซต์เรามีความน่าเชื่อถือเพิ่มมากขึ้น แม้ปัจจุบัน Google จะลดความสำคัญของ Backlink ลงมาก แต่ก็ยังมีความจำเป็นอยู่ โดย Backlink ที่นิยมทำในปัจจุบันสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่
Natural Link Building หรือ Organic Link Building คือ การที่เว็บไซต์อื่นทำการอ้างอิงเนื้อหาในเว็บไซต์ของเรา ส่วนใหญ่เป็นเพราะเนื้อหาของเราเป็นเนื้อหาที่ดีและมีประโยชน์
Manual Link Building คือ Backlink ที่เราทำเอง โดยมีหลากรูปแบบ ยกตัวอย่างเช่น
การโพสตามเว็บต่างๆ แบบไม่เสียค่าใช้จ่าย เช่น เว็บประกาศ, เว็บบอร์ด, สารบัญเว็บไซต์ (Directory)
การแชร์ลิงค์เว็บไซต์ใน Social Media ต่างๆ เช่น Facebook, YouTube
การทำ PBN (Private Blog Network) เพื่อลงบทความและส่งลิงค์กลับมายังเว็บไซต์ของเรา
การไปซื้อพื้นที่ลงบทความในเว็บไซต์อื่น แล้วส่งลิงค์กลับมายังเว็บไซต์ของเรา
คนที่ไม่มีความรู้เรื่อง SEO ดีพอ หรือแม้แต่การจ้างทำ SEO ที่ราคาถูกมากๆ ก็นิยมใช้การทำ Backlink โดยการลงประกาศหรือโพสตามเว็บบอร์ดต่างๆ ที่ให้โพสฟรีด้วยข้อความเนื้อหาที่ซ้ำๆ กัน หรือแม้แต่การทำ PBN ที่ไม่มีคุณภาพ ซึ่งปัจจุบันการทำ Backlink เหล่านี้ส่งผลเสียต่อการทำ SEO อาจทำให้เว็บไซต์โดนแบนหรืออันดับตกได้ เพราะถือว่าเป็น Spam (ข้อมูลเพิ่มเติม: Backlink แบบไหนที่ควรหลีกเลี่ยง?)
สำหรับการทำ SEO ด้วยตัวเอง แล้วอยากได้ Backlink ที่มีคุณภาพและยั่งยืน ก็แนะนำให้ทำเนื้อหาเว็บไซต์ของเราเองให้มีประโยชน์ เพื่อที่เว็บไซต์อื่นๆ จะได้นำไปเป็นข้อมูลอ้างอิงและแปะลิงค์เราบนเว็บไซต์ รวมถึงการแชร์ลิงค์ตาม Social Media หรือถ้าอยากได้ Backlink แบบทันใจ ก็ต้องซื้อพื้นที่ในเว็บไซต์อื่นเพื่อลงบทความที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ของเรา ซึ่งการจ้างทำ SEO กับบริษัทที่น่าเชื่อถือ เราก็จะได้ Backlink ที่มีคุณภาพซึ่งช่วยเพิ่มอันดับเว็บไซต์ได้เช่นกัน และหากเป็นบริการที่มีการการันตีอันดับ เช่น ไม่ติดหน้าแรกก็จะไม่มีค่าใช้จ่ายแล้วด้วยก็จะยิ่งคุ้มค่า เพราะช่วยลดความเสี่ยงและลดต้นทุนค่าใช้จ่ายไปได้มากเลยทีเดียว
สรุป
การทำ SEO เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง เพราะปัจจุบันมีแหล่งศึกษาหาความรู้มากมาย ทั้งอินเทอร์เน็ต หนังสือ เวิร์คช็อป คอร์สอบรมต่างๆ แต่ทั้งนี้ SEO มีรายละเอียดยิบย่อยหลายอย่าง รวมถึงต้องใช้ประสบการณ์สะสมความรู้ในการพัฒนาปรับปรุงเว็บไซต์ การจะทำทั้งหมดด้วยตัวเอง ก็อาจต้องเสียเวลาและต้นทุนไม่น้อย ดังนั้นการจ้างผู้เชี่ยวชาญทำ SEO จึงช่วยแบ่งเบาภาระไปได้มาก อย่างไรก็ตามเราก็ควรมีความรู้ด้าน SEO เบื้องต้นเอาไว้ด้วย เพื่อไว้พัฒนาเว็บไซต์ของเราเอง รวมทั้งเพื่อไม่ให้ถูกหลอกเวลาจ้างทำ SEO
Credit : https://aun-thai.co.th